ทำไมการทำความสะอาดโซฟาจึงสำคัญ?
การทำความสะอาดโซฟาไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันการสะสมของฝุ่น หรือเชื้อโรคได้อีกด้วย และนี่เป็นเหตุผลที่คุณไม่ควรมองข้าม
- สุขอนามัยภายในบ้าน โซฟาที่ไม่ได้ทำความสะอาด อาจเป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรค ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ หรือโรคทางเดินอาหารได้
- ยืดอายุการใช้งานของโซฟา การทำความสะอาดเป็นประจำจะช่วยให้โซฟาไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ไม่ว่าจะเป็นโซฟาผ้า หรือโซฟาหนังก็ตาม
- สวยงามและไม่มีกลิ่นอับ โซฟาที่สะอาดและไม่มีกลิ่นอับ ย่อมน่านั่งมากกว่าโซฟาที่มีคราบสกปรก และยังทำให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้นด้วย
10 วิธีทำความสะอาดโซฟาแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
หากยังไม่รู้ว่าควรทำความสะอาดโซฟาที่บ้านด้วยวิธีไหน ลองนำเอา 10 วิธีนี้ไปปรับใช้กับโซฟาที่บ้านของคุณดูได้
1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นกำจัดฝุ่นและเศษผง

การเริ่มต้นทำความสะอาดโซฟาควรเริ่มจากการใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดฝุ่นผง เศษอาหาร และขนสัตว์ที่ติดอยู่บนผิวโซฟาออกไปให้หมดเสียก่อน นอกจากนี้ ควรกำจัดสิ่งสกปรกตามซอกเล็ก ๆ หรือตามรอยพับโซฟา ซึ่งเป็นจุดสะสมของฝุ่นและเศษผงด้วย
2. ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนเช็ดคราบ
หากโซฟามีรอยเปื้อน สามารถใช้น้ำผสมน้ำสบู่เล็กน้อย แล้วใช้ผ้าสะอาดชุบหมาด ๆ ก่อนนำไปเช็ดเบา ๆ บนพื้นผิวโซฟา วิธีนี้จะช่วยลดคราบมันและสิ่งสกปรกโดยไม่ทำให้โซฟาเสียหายได้
3. ใช้เบกกิ้งโซดาดับกลิ่น
หากโซฟามีกลิ่นอับ สามารถดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วยการโรยเบกกิ้งโซดาลงบนเบาะ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15–30 นาที แล้วค่อยดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับกลิ่นอาหาร หรือกลิ่นอับให้ลดลงได้
4. เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูเจือจาง
หากโซฟามีคราบฝังแน่น ให้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 จากนั้นใช้ผ้าชุบ เพื่อเช็ดขจัดคราบบนโซฟา นอกจากจะสลายคราบได้แล้ว น้ำส้มสายชูเจือจางยังฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้ด้วย
5. ใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะสำหรับโซฟา

หากต้องการความสะดวก สามารถเลือกซื้อน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะกับวัสดุประเภทต่าง ๆ เช่น หนังแท้ ผ้า หรือหนังเทียม มาเช็ดทำความสะอาดและยืดอายุการใช้งานของโซฟาได้
6. แปรงขนนุ่มขัดคราบฝังลึก
หากคราบฝังลึกสามารถใช้แปรงขนนุ่มเป็นตัวช่วยในการขจัดคราบได้ หลังจากขัดแล้วให้เช็ดซ้ำด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดอีกครั้ง
7. ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ซับน้ำ
หากโซฟาเปียกน้ำ ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ซับน้ำออกให้เร็วที่สุด วิธีนี้จะช่วยลดความชื้น กำจัดกลิ่นอับ และป้องกันการเกิดเชื้อราได้
8. ใช้พัดลมเป่าให้แห้ง
หลังจากเช็ดหรือทำความสะอาดโซฟาเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรปล่อยให้โซฟาแห้งเอง แต่ควรใช้พัดลมเป่า เพื่อลดความชื้น และป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นอับหรือเกิดเชื้อราได้ง่าย ๆ
9. ใช้ผ้าแห้ง และคลุมโซฟาช่วยป้องกัน

คุณสามารถใช้ผ้าแห้งในการเช็ด ปัดไรฝุ่นที่เกาะตามวัสดุหุ้มโซฟาได้ และหลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ควรคลุมโซฟาด้วยผ้าคลุม เพื่อป้องกันฝุ่น ซึ่งจะช่วยให้การทำความสะอาดครั้งต่อไปง่ายขึ้น
10. ใช้มือของเรา (โดยใส่ถุงมือ)
เนื่องจากวัสดุหุ้มโซฟาบางประเภท ไม่สามารถใช้ผ้าชุบน้ำ หรือผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดได้ อย่างเช่น โซฟากำมะหยี่ การใช้มือของเรา ค่อยๆตบไล่ฝุ่น ก็เป็นหนึ่งในการทำความาสะอาดโซฟาของเรา อีกทั้งการกำหนดช่วงเวลาการทำความสะอาดโซฟาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยให้โซฟาดูใหม่อยู่เสมอ และเป็นการยืดอายุการใช้งานโซฟาอีกทางหนึ่ง
วิธีทำความสะอาดโซฟาแต่ละประเภท
ก่อนจะเลือกวิธีทำความสะอาดโซฟา ต้องดูก่อนว่าโซฟาเบดหรือโซฟาไฟฟ้านั้น ๆ ใช้วัสดุหุ้มแบบไหน จะได้เลือกแนวทางในการกำจัดคราบสกปรกได้อย่างเหมาะสม โดยสามารถจำแนกประเภทของโซฟาได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1. โซฟาแบบถอดซักได้
โซฟาประเภทนี้จะมีปลอกคลุมที่ถอดออกได้ จึงง่ายต่อการนำไปซัก แต่ก่อนจะซักจำเป็นต้องตรวจสอบ Care Tag ก่อนว่าเป็นผ้าชนิดไหน เพราะผ้าแต่ละชนิดมีวิธีซักที่แตกต่างกัน หากซักไม่ถูกวิธีอาจทำให้ปลอกคลุมเสียหายได้
Care Tag คืออะไร
Care Tag เป็นตัวช่วยที่บอกวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสม โดยจะมีตัวอักษรที่ระบุว่าผ้าชนิดนั้น ๆ ต้องทำความสะอาดด้วยวิธีไหน ได้แก่
- W = ซักด้วยน้ำสะอาด
- S = ใช้น้ำยาทำความสะอาดโดยเฉพาะ
- WS = ใช้ได้ทั้งน้ำสะอาดและน้ำยาทำความสะอาด
- X = ทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่นเท่านั้น
2. โซฟาแบบถอดซักไม่ได้
โซฟาประเภทนี้ไม่สามารถถอดวัสดุหุ้มไปซักได้ จึงต้องระวังการเกิดคราบเปื้อนให้ดี และต้องใช้วิธีทำความสะอาดแบบเฉพาะ เช่น การดูดฝุ่น หรือการเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อน
เคล็ดลับการดูแลรักษาโซฟาให้นั่งสบาย ใช้งานได้นาน
นอกจากการทำความสะอาดโซฟาแล้ว วิธีการดูแลรักษาโซฟาต่อไปนี้จะช่วยให้โซฟาใช้งานได้นานขึ้น สิ่งที่ควรทำเป็นประจำ ได้แก่
- ทำความสะอาดตามประเภทวัสดุ วัสดุแต่ละประเภทต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน ต้องเลือกวิธีอย่างเหมาะสม เพื่อยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนแต่ละองค์ประกอบ
- หลีกเลี่ยงของมีคมระวังการใช้ของมีคมบริเวณโซฟา เช่น กรรไกร อาจขูด หรือเจาะให้โซฟาเป็นรูได้
- จัดวางโซฟาให้ถูกที่ หลีกเลี่ยงการจัดวางโซฟาในพื้นที่ที่โดนแสงแดดส่องโดยตรง
- ใช้น้ำยาปรับสภาพหนังหรือสเปรย์กันไรฝุ่นเพื่อบำรุงโซฟาหนังให้เงางาม หรือลดปริมาณไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้
ทำความสะอาดโซฟาไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เมื่อเข้าใจวิธีที่ถูกต้องแล้ว การดูแลโซฟาก็คงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การหมั่นทำความสะอาดโซฟาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้โซฟาดูใหม่อยู่เสมอ และไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
ที่นอนพระราม 9 คือผู้เชี่ยวชาญด้านเฟอร์นิเจอร์และเครื่องนอน หากคุณกำลังมองหาโซฟาคุณภาพดี และมีบริการออกแบบที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสไตล์ที่คุณต้องการ สามารถติดต่อเราได้เลย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 085-911-3449
Messenger : https://www.facebook.com/bedrama.9bynum
Line Official Account : https://line.me/ti/p/~@bedpraram9
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำความสะอาดโซฟา
1. ควรทำความสะอาดโซฟาบ่อยแค่ไหน?
ควรทำความสะอาดโซฟาด้วยการดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และถอดปลอกโซฟาออกมาซักทุก 6 เดือน ถึง 1 ปี
2. ทำอย่างไรให้โซฟามีกลิ่นหอมและไม่อับชื้น?
การทำให้โซฟามีกลิ่นหอมและไม่อับชื้น ให้โรยเบกกิ้งโซดาลงบนผิวโซฟา จากนั้นดูดออก ตามด้วยการใช้สเปรย์กำจัดกลิ่น และจัดวางโซฟาในบริเวณที่อากาศถ่ายเทสะดวก
3. สามารถซักโซฟาด้วยเครื่องซักผ้าได้หรือไม่?
สามารถซักโซฟาได้เฉพาะโซฟาที่ปลอกถอดได้ และมี Care Tag ระบุว่าสามารถซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ หากไม่มั่นใจควรใช้บริการซักโซฟาจากช่างมืออาชีพ