สาเหตุที่ทำให้ที่นอนสกปรก เกิดจากอะไรได้บ้าง?

แม้ว่าที่นอนและเตียงนอนจะอยู่ในห้องนอนที่ค่อนข้างสะอาด แต่ก็ยังพบคราบสกปรกอยู่บ่อย ๆ ดังนั้น ก่อนเริ่มทำความสะอาดที่นอน เรามาดูกันว่า สาเหตุที่ทำให้ที่นอนสกปรกเกิดจากอะไรได้บ้าง
- เชื้อรา ห้องนอนส่วนใหญ่มักมีความชื้นสะสม ทั้งจากแอร์ และความชื้นจากเหงื่อบริเวณที่ร่างกายถูกกดทับ เมื่อความชื้นสะสมเป็นเวลานานจึงทำให้เกิดเป็นคราบเชื้อรา
- คราบไรฝุ่น หลายคนอาจมองว่าฝุ่นมีรูปแบบเป็นละออง ไม่น่าเกิดเป็นคราบ แต่ความเป็นจริงแล้วหากละอองฝุ่นสะสมกันในจุดเดียวกันเป็นระยะเวลานาน ก็อาจทำให้กลายเป็นคราบฝังแน่นตามเนื้อผ้าได้
- คราบจากเศษอาหาร ใครที่นำอาหารมาทานในห้องนอน หรืออาศัยอยู่ในหอพัก คอนโด ก็อาจมีคราบเศษอาหารไปเลอะบริเวณที่นอนได้
- คราบจากสกินแคร์ที่ทาลงบนผิว หากเป็นสายทาสกินแคร์แล้วนอนทันที เนื้อสกินแคร์ที่ยังไม่ได้ซึมเข้าผิวก็อาจเลอะบนที่นอนได้
- คราบประจำเดือน
รวม 10 วิธีทำความสะอาดที่นอน สะอาดเหมือนใหม่ น่านอน แถมดีต่อสุขภาพ!
ปัญหาคราบสกปรกบนที่นอนนั้น ในส่วนของผ้าปูที่นอนคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราสามารถถอดผ้าปูแล้วนำไปซักได้อย่างง่าย ๆ แต่กับคราบบนฟูก จะทำการซักฟูกที่นอนก็คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าวิธีทำความสะอาดที่นอนฟูกยังไงได้บ้าง
1. ใช้เครื่องดูดฝุ่น/ไรฝุ่น

ที่นอนสะอาด เพื่อสุขอนามัยในการนอนที่ดี ควรใช้เครื่องดูดฝุ่น หรือเครื่องดูดไรฝุ่น บนที่นอนทุกสัปดาห์ หรือเดือนละ 2-3 ครั้ง เพราะบนที่นอนมักจะมีไรฝุ่นละอองเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าสะสมอยู่ การใช้เครื่องดูดฝุ่นก็จะช่วยกำจัดฝุ่นละอองบนที่นอน ลดอาการคัดจมูก หรือภูมิแพ้ได้
2. เบกกิ้งโซดาขจัดคราบ

หากที่นอนมีคราบเหลือง มีกลิ่นอับ เบกกิ้งโซดา คือตัวช่วยที่จะกำจัดกลิ่นและคราบสกปรกออกไปได้ ด้วยคุณสมบัติลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ดูดซับสิ่งสกปรก ทั้งยังหาซื้อง่าย ราคาถูก ทำให้หลายคนเลือกนำเบกกิ้งโซดามาใช้ทำความสะอาดที่นอน โดยวิธีใช้เบกกิ้งโซดาทำความสะอาด สามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้
- นำเบกกิ้งโซดาไปละลายน้ำกับเกลือ อัตราส่วนน้ำประมาณ 1 ถ้วย
- เทเบกกิ้งโซดาที่ละลายน้ำเกลือเรียบร้อยแล้วลงบนคราบสกปรก ทิ้งไว้ 30 นาที
- นำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดบริเวณรอยเปื้อน
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดบนที่นอน
- เป่าให้แห้งด้วยลมเย็น หรือนำไปตากแดด *ยกเว้นที่นอนยางพารา ห้ามนำไปตากแดด*
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : วิธีดูแลที่นอนยางพาราให้ใช้งานได้นาน 10 ปี+ สภาพดีเหมือนใหม่
3. ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ขัดที่นอน

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นน้ำยาทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพเหมาะสำหรับทำมาใช้ทำความสะอาดที่นอน โดยสามารถเทลงบนที่นอนแล้วใช้แปรงอเนกประสงค์ขัด หรือเทผสมน้ำใส่กะละมังแล้วใช้แปรงคอยชุบน้ำขัดก็ได้ และหลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก็ควรเป่าแห้งด้วยลมเย็น หรือนำที่นอนไปตากแดดเพื่อไล่ความชื้นออกจากที่นอน
4. นำที่นอนไปตากแดด

หากฟูกที่นอนไม่ได้มีคราบเหลือง หรือคราบสกปรก แต่กลับมีกลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นคือ การนำฟูกที่นอนไปตากแดดเพราะแสง UV จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และระบายความชื้นที่สะสมในที่นอนออกไปได้ แต่ก็ไม่ควรตากแดดแรงเกินไป ควรตากแดดอ่อน ๆ ประมาณ 50-60 องศาเป็นเวลา 20 นาที ก็เพียงพอ
5. น้ำส้มสายชูฆ่าเชื้อโรค

น้ำส้มสายชูมีส่วนผสมที่เป็น กรดอะซิติก (Acetic Acid)ซึ่งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดที่นอนได้ โดยมีวิธีการใช้งาน ดังนี้
- ใส่น้ำส้มสายชูลงในฟ็อกกี้ หรือขวดสเปรย์ทั่วไป
- พ่นน้ำส้มสายชูบนที่นอน บริเวณคราบสกปรก ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
- เช็ดบริเวณที่ฉีดน้ำส้มสายชูด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ
- เป่าแห้งด้วยลมเย็น หรือผึ่งไว้บริเวณที่มีลมโกรก
6. โรยแป้งเด็กบนที่นอน

แป้งเด็ก อาจจะเป็นไอเทมที่ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ทำความสะอาดที่นอนได้ แต่แป้งเด็กนั้นสามารถลดกลิ่นอับ ดูดซับเหงื่อขณะนอนหลับได้ มีกลิ่นหอมบาง ๆ อีกด้วย และยังทำให้สบายตัวขณะนอนหลับอีกด้วย หรือถ้าใครกลัวว่าที่นอนจะดูเลอะเทอะ ก็อาจจะใช้วิธีโรยแป้งเด็กทิ้งไว้ 30 นาที – 1 ชั่วโมงแล้วค่อยนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออกไปก็ได้เช่นกัน
7. น้ำมะนาวคั้นสดกำจัดคราบ
น้ำมันมะนาวคั้นสดจะมีส่วนผสมที่เรียกว่า ซิตรัสซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนจาง ๆ ทำให้สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดได้ โดยให้เทน้ำมะนาวคั้นสดลงบนคราบสกปรกทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นใช้ผ้าซับน้ำมะนาวออก ทำความสะอาดซ้ำด้วยสบู่ และเป่าแห้งด้วยลมเย็นเท่านี้ก็เรียบร้อย
8. ทำความสะอาดที่นอนด้วยผ้า

สำหรับคราบที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ เช่น คราบประจำเดือน หรือน้ำที่มีสีหก ผ้าและน้ำแข็งธรรมดา ๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นไอเทมช่วยชีวิตในช่วงเร่งด่วนได้เป็นอย่างดี โดยจะใช้น้ำแข็งถูบริเวณคราบสกปรก จากนั้นให้ใช้ผ้าซับน้ำส่วนเกินออก แต่ควรใช้การค่อย ๆ ซับเท่านั้น ไม่ควรเช็ด เนื่องจากจะทำให้คราบกระจายตัวเป็นวงกว้างได้ เมื่อซับทำความสะอาดที่นอนเรียบร้อยแล้ว ให้เป่าแห้งด้วยลมเย็นอีกครั้งเป็นอันเสร็จ
9. ใช้แอลกอฮอล์กำจัดเชื้อรา

หากที่นอนใครมีคราบเชื้อรา ถึงแม้จะมีผ้าปูที่นอนบดบังอยู่แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะสปอร์จากเชื้อราอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ จึงควรกำจัดเชื้อราด้วยแอลกอฮอล์ก่อนนำไปตากแดดหรือผึ่งลมให้แห้ง โดยสามารถใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์ไอโซโพรพิลกับน้ำเปล่าลงบนจุดที่เป็นเชื้อราได้โดยตรง เพื่อลดรอยคราบเชื้อรา
10. เช็ดที่นอนด้วยน้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์

วิธีสุดท้ายคือการทำความสะอาดที่นอนด้วยน้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์ เนื่องจากมีความปลอดภัย ไม่มีสารเคมีตกค้างซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยคุณสมบัติของเอนไซม์จะเข้าไปย่อยสลายรอยคราบเปื้อนต่าง ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ควรมีติดบ้านเอาไว้เลย
สรุป ทำความสะอาดที่นอน ไร้ฝุ่นเหมือนใหม่ เสริมด้วยผ้ารองกันเปื้อนจาก Bed Praram 9
จบกันไปแล้วกับ 10 วิธีทำความสะอาดที่นอนที่ทางเราได้รวบรวมมาแนะนำ จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายวิธีที่จะช่วยคุณทำความสะอาดฟูกที่นอนได้ง่าย ๆ ดังนั้นสามารถเอาไปปรับใช้ และหมั่นทำความสะอาดที่นอน เพื่อให้ดูสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ และยังดีต่อสุขภาพของเราในระยะยาวอีกด้วย
แต่ถ้าหากที่นอนเก่าของคุณมีคราบเปื้อนฝังลึก ยากที่จะเยียวยา หรืออยากหาชุดเครื่องนอนอย่างหมอน ผ้ารองกันเปื้อนที่นอน ที่ ที่นอนพระราม 9 ให้บริการจำหน่ายชุดเครื่องนอนแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน ที่นอน หมอน โซฟา หรืออุปกรณ์กันคราบสกปรกอย่างผ้ารองกันเปื้อนเราก็มีครบ พร้อมทั้งยังมีบริการออกแบบเตียงนอนแบบ Custom ตามความต้องการ สร้างสรรค์เตียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะคุณ เรื่องชุดเครื่องนอน ไว้ใจที่นอนพระราม 9 ได้เลย!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 085-911-3449
Messenger : https://www.facebook.com/bedrama.9bynum
Line Official Account : https://line.me/ti/p/~@bedpraram9
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลทำความสะอาดที่นอน
1. ควรทำความสะอาดที่นอนบ่อยแค่ไหน?
ควรทำความสะอาดที่นอนด้วยการดูดฝุ่นอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง ส่วนการทำความสะอาดครั้งใหญ่อย่างการทำความสะอาดฟูก เช็ดคราบสกปรก กำจัดกลิ่นอับ ควรทำทุก 3-6 เดือน
2. สามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นธรรมดาทำความสะอาดที่นอนได้ไหม?
สามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นธรรมดาได้ แต่ควรเลือกใช้หัวดูดที่เหมาะกับการใช้บนเตียงนอน รวมถึงมีแรงดูดมากพอที่จะสามารถกำจัดไรฝุ่นและฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ในเนื้อผ้าได้
3. ถ้าที่นอนมีคราบเลือด หรือคราบปัสสาวะ ควรทำความสะอาดอย่างไร?
หากเป็นคราบใหม่สามารถใช้ผ้าสะอาดซับบริเวณนั้นได้ทันที โดยอาจเอาน้ำแข็งมาถูวน หรือใช้ผ้าชุบน้ำเย็นผสมกับน้ำสบู่ น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีสารเคมีซับเบา ๆ จนกว่าคราบจะจางลง
4. วิธีลดกลิ่นอับบนที่นอนมีอะไรบ้าง?
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) โรยให้ทั่วที่นอน ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้เบกกิ้งโซดาดูดซับความชื้นและกลิ่นอับ จากนั้นจึงใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด
5. การนำที่นอนไปตากแดดช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ไหม?
อาจกำจัดได้ประมาณหนึ่ง แต่ในอากาศก็มักจะมีฝุ่นละอองและอาจติดมาบนที่นอนได้อยู่ดี ดังนั้นการใช้เครื่องดูดฝุ่นกำจัดไรฝุ่นจะได้ผลโดยตรงมากกว่า
