ข้อเสียของการนอนที่นอนเก่า

การนอนบนที่นอนเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับอย่างมาก เป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ในระยะยาว เช่น อาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดคอ ออฟฟิศซินโดรม หรือแม้แต่ปัญหาภูมิแพ้ที่เกิดจากการสะสมของไรฝุ่นและเชื้อราในที่นอนที่ไม่ได้เปลี่ยนมานาน
นอกจากนี้ ที่นอนเก่ายังทำให้วงจรการนอนถูกรบกวน ทำให้คุณต้องตื่นกลางดึกหรือพลิกตัวบ่อย ซึ่งลดประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน อารมณ์ และประสิทธิภาพในการทำงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ :เช็กสภาวะการนอนของร่างกาย! นอนหลับแบบไหนถึงมีคุณภาพมากที่สุด
7 สัญญาณที่บอกว่าที่นอนที่ใช้อยู่เก่าเกินไปแล้ว

ที่นอนทุกหลังล้วนมีอายุการใช้งานของตัวเอง บางรุ่นใช้ได้ 7 ปี บางรุ่น 10 ปี บางรุ่น 15 ปี หากว่าคุณนอนที่นอนแล้วมีอาการเหล่านี้ แสดงว่าที่นอนที่ใช้อยู่นั้นเริ่มเก่าเกินไปแล้ว
1. ปวดหลัง ปวดคอ หลังตื่นนอน
ถ้าคุณตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยหลัง คอ หรือไหล่ โดยที่ไม่ได้ทำกิจกรรมหักโหมอะไร นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าที่นอนของคุณไม่สามารถรองรับแนวกระดูกสันหลังได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป ที่นอนเก่าที่หมดสภาพมักสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดแรงกดทับเฉพาะจุดจนนำไปสู่อาการปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
อ่านบทความที่น่าสนใจ :คนปวดหลังห้ามพลาด! เลือกที่นอนแบบไหนให้ไม่ปวดหลัง รู้ก่อนโล่งก่อน
2. ที่นอนยุบตัวเป็นแอ่งหรือหลุมลึก
การนอนบนที่นอนเก่าที่มีลักษณะเป็นหลุมหรือยุบตัวในบริเวณที่นอนเป็นประจำ อาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของร่างกายขณะนอนหลับ ส่งผลให้กระดูกสันหลังโค้งงอผิดรูปโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้สึกเหมือน “จม” ลงไปทุกครั้งที่นอน นั่นคือสัญญาณว่าที่นอนของคุณหมดสภาพแล้ว
3. นอนหลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย

หากคุณสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ โดยไม่มีเหตุผล หรือรู้สึกนอนไม่สบายตัว อาจเป็นเพราะที่นอนไม่สามารถรองรับสรีระได้ดีเนื่องจากใช้งานมานานหรือเสื่อมสภาพ ทำให้คุณต้องพลิกตัวบ่อย ส่งผลให้วงจรการนอนถูกรบกวน และเมื่อตื่นเช้ามาจะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่นแม้จะนอนครบ 7 – 8 ชั่วโมงแล้วก็ตาม
4. ที่นอนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดขณะพลิกตัว
เสียงดังจากสปริงหรือโครงสร้างภายในที่นอนขณะพลิกตัว เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่แสดงว่าที่นอนเริ่มเสื่อมสภาพ วัสดุภายในไม่แน่นหนาเหมือนเดิม ส่งผลต่อความมั่นคงและความเงียบในการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ หากเจออาการเหล่านี้ การพิจารณาเปลี่ยนที่นอนใหม่ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ
อ่านบทความที่น่าสนใจ :ไขข้อสงสัย! ที่นอนสปริงมีกี่แบบ? เลือกอย่างไร ช่วยให้นอนหลับสบายทุกคืน
5. มีอาการแพ้ คันตามผิวหนัง หรือหายใจไม่สะดวก
ที่นอนเก่าเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรีย โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้ทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำ หากเริ่มรู้สึกคันตามตัว คัดจมูก หรือมีอาการแพ้ช่วงเช้า นั่นอาจเป็นผลมาจากสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในที่นอนของคุณตลอดหลายปี
อ่านบทความที่น่าสนใจ :ทำไมถึงคันยุบยิบบนที่นอน? เข้าใจสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ช่วยให้นอนหลับสบาย
6. อายุที่นอนมากกว่า 7 – 10 ปี

โดยทั่วไป ที่นอนคุณภาพดีจะมีอายุการใช้งานประมาณ 7-10 ปี แม้ว่าจะยังไม่เห็นความเสียหายชัดเจน แต่โครงสร้างภายในอาจเริ่มเสื่อมและไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีเหมือนเดิม การเปลี่ยนที่นอนตามรอบอายุการใช้งานจึงเป็นการลงทุนในสุขภาพที่ควรทำ
7. ต้องเพิ่มหมอนหรือผ้าห่มเพื่อให้รู้สึกสบาย
หากคุณรู้สึกว่าเริ่มต้องพึ่งหมอนหลายใบ ผ้าห่มหนา ๆ หรือวัสดุรองนอนเพิ่มเติมเพื่อให้หลับสบายเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นสัญญาณว่าตัวที่นอนไม่สามารถมอบความนุ่มสบายหรือการรองรับที่เหมาะสมได้อีกต่อไป กรณีนี้การเปลี่ยนที่นอนใหม่จะช่วยให้ความรู้สึกสบายแบบเดิมกลับมา หรือเลือกที่นอนที่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ ๆ ก็จะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพการนอนได้ดีขึ้น
อ่านบทความน่าสนใจ:ไขข้อข้องใจ! ที่นอนยางพารา VS ที่นอนสปริง ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนไม่ปวดหลัง
เลือกซื้อที่นอนใหม่ เลือกที่นอนคุณภาพจากแบรนด์ที่นอนพระราม 9
หากคุณเริ่มสังเกตเห็นทั้ง 7 สัญญาณในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง ที่นอนยุบ หรือความรู้สึกอ่อนล้าแม้นอนเต็มที่แล้ว นั่นคือสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่แล้วเพื่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพการนอนที่สมบูรณ์
หากคุณกำลังมองหาที่นอนคุณภาพดีตัวใหม่อยู่ ขอแนะนำ “ที่นอนพระราม 9” ที่นอนแบรนด์ไทยคุณภาพสูง ผลิตจากวัสดุพรีเมียม ดีไซน์รองรับสรีระ มีให้เลือกหลากหลายรุ่นครบทุกขนาดทั้ง 3.5 ฟุต, 5 ฟุต, และ 6 ฟุต สเปกตอบโจทย์ความต้องการได้ครบครัน
นอกจากที่นอนสำเร็จรูป เรายังมีบริการออกแบบและผลิตที่นอนตามสั่ง สามารถเลือกขนาดและสเปกได้เอง ให้บริการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ที่นอนที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการที่สุด พร้อมรับประกันยาวนานถึง 10 ปี เพื่อให้คุณมั่นใจว่านอนหลับได้อย่างเต็มคุณภาพในทุกคืน
สนใจสินค้าหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิกติดต่อเรา
หรือสอบถามผ่านFacebook Page และโทร 085-911-3449